การควบคุมภายใน
บริษัทฯได้ให้ความสำคัญต่อการควบคุมภายในอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การปฏิบัติงาน การดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดให้มีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเพียงพอ มีประสิทธิภาพตลอดจนป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชื่อเสียงของบริษัทฯ รวมทั้งประเมินการปฏิบัติงานตามแนวทางการกำกับกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance : GCG)
บริษัทฯ ได้รับประกาศนียบัตรรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption : CAC) ซึ่งเป็นการต่ออายุรับรองเป็นวาระที่สองของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัท ได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการชุดต่างๆ และฝ่ายบริหารอย่างชัดเจน รวมทั้งกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ โดยกำหนดโครงสร้างองค์กรและสายงานการบังคับบัญชาที่ชัดเจนในการถ่วงดุลอำนาจ และการควบคุมภายในอย่างเหมาะสม รวมทั้งกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ และดัชนีชี้วัดผลสำเร็จ (Key Performance Indicators: KPI) เพื่อใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานและติดตามผลการดำเนินงานเปรียบเทียบ กับเป้าหมายขององค์กรอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีการประเมินความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในเป็นประจำทุกปี ตามแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ตามกรอบการควบคุมภายในของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่อ้างอิงจาก COSO (The Committee of Sponsoring Organizations of the Tread way Commission) ทั้ง 5 องค์ประกอบ และ 17 หลักการย่อย ซึ่งคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นสอดคล้อง ว่าบริษัทฯ มีระบบการควบคุมภายในที่เพียงพอและเหมาะสมตามลักษณะธุรกิจ ดังนี้
การควบคุมภายในองค์กร
การประเมินความเสี่ยง
การควบคุมการปฎิบัติงาน
ระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูล
ระบบการติดตาม
การบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และสํานักบริหารความเสี่ยงได้จัดให้มีการดําเนินการตามแผนพัฒนากิจกรรมการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ ดังนี้
1.ทบทวนกฎบัตรกรรมการบริหารความเสี่ยง วัตถุประสงค์ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ คู่มือการบริหารความเสี่ยง และคู่มือการปฏิบัติงานของสำนักบริหารความเสี่ยง
2.ทบทวนเกณฑ์ประเมินความเสี่ยง และระบุรายการความเสี่ยงระดับองค์กร (Corporate Risk) และแผนบริหารความเสี่ยงประจำปีภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) โดยกำหนดให้มีการควบคุมหรือบรรเทา (Migration Plan) ที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
3.ทบทวนบทบาทหน้าที่ของคณะทำงานด้านการบริหารความเสี่ยง โดยจัดให้มีการอบรม การประเมิน และวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร และทำให้มั่นใจว่าการสำรวจความเสี่ยงได้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน
4.ประชุมเตรียมการให้สํานักบริหารความเสี่ยง ลงพื้นที่ปฏิบัติงานตามแผนสนับสนุนข้างต้น
5.ติดตามผลการบริหารความเสี่ยงเป็นประจำทุกไตรมาส โดยกำหนดให้มีตัวชี้วัดความเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวัง และให้ข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายบริหารในการปรับปรุงการบริหารจัดการ โดยนำความเสี่ยงองค์กรมาพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนกลยุทธ์และกำหนดเป้าหมาย
6.สรุปรายงานสถานะความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทต่อคณะกรรมการของบริษัท โดยแสดงข้อมูลรายการความเสี่ยงที่คงที่ ความเสี่ยงที่ลดลง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งสาเหตุอย่างละเอียดเพื่อให้ฝ่ายจัดการนําไปดําเนินการและวางแผนให้เหมาะสม เป็นประจำทุกไตรมาส
7.จัดทำและทบทวนแผนบริหารความต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
ด้วยความทุ่มเทและความร่วมมือของบุคลากรทุกส่วน ทำให้ระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่องค์กรยอมรับได้ และยังสามารถพัฒนาการให้สอดคล้องกับการกำหนดวัตถุประสงค์เป้าหมายขององค์กรและส่วนงานต่างๆ อีกด้วย